สรุปข่าวเช้านี้ 16 กรกฎาคม 2568

📰 สรุปข่าวเช้านี้ วันที่ 16 กรกฎาคม 2568

📈 ตลาดการลงทุน วันที่ 15 กรกฎาคม 2568

🗽 US

Dow Jones -436.36 จุด (-0.98%)

S&P 500 -24.80 จุด (-0.40%)

NASDAQ +37.37 จุด (+0.18%)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 400 จุดในวันอังคาร (15 ก.ค.) หลังสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่สูงเกินคาดในเดือนมิ.ย. อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดทำนิวไฮ โดยได้แรงหนุนจากความแข็งแกร่งของหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐฯ

กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่าดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 2.7% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.6% และสูงกว่าในเดือนพ.ค.ที่ปรับตัวขึ้น 2.4%

ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.9% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งแม้จะต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 3.0% แต่ก็สูงกว่าในเดือนพ.ค.ที่ปรับตัวขึ้น 2.8%

ตัวเลข CPI ที่มีการเปิดเผยล่าสุดทำให้นักลงทุนกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะทำให้สหรัฐฯ เผชิญกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอีก และจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูง

อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดทำนิวไฮ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นอินวิเดียที่พุ่งขึ้นกว่า 4% หลังบริษัทประกาศว่าจะส่งชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) H20 ไปขายให้กับลูกค้าในจีนอีกครั้ง หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ แจ้งกับอินวิเดียว่าจะออกใบอนุญาตการส่งออกชิปดังกล่าวให้กับจีน

บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งเริ่มรายงานผลประกอบการ โดยซิตี้กรุ๊ป (Citigroup) เปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 1.96 ดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 1.60 ดอลลาร์ ส่งผลให้หุ้นซิตี้กรุ๊ปทะยานขึ้น 3.7% ปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินโลก

หุ้นเวลส์ ฟาร์โก (Wells Fargo) ร่วงลง 5.5% หลังจากธนาคารปรับลดคาดการณ์รายได้จากดอกเบี้ยประจำปี 2568 โดยคาดว่าจะใกล้เคียงกับปี 2567 ที่ระดับ 4.77 หมื่นล้านดอลลาร์ จากเดิมที่คาดการณ์ในเดือนเม.ย.ว่าจะมีการขยายตัวในช่วง 1-3%

หุ้นเจพีมอร์แกน เชส (JPMorgan Chase ) ปรับตัวลง 0.7% แม้ว่าธนาคารปรับเพิ่มแนวโน้มรายได้จากดอกเบี้ยในปี 2568

ทางด้าน FactSet ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการข้อมูลทางการเงินคาดการณ์ว่า อัตรากำไรของบริษัทในดัชนี S&P500 จะขยายตัวเพียง 4.3% ในไตรมาส 2/2568 เมื่อเทียบรายปี ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4/2566

EURO

EURO STOXX 600 -2.04 จุด (-0.37%)

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันอังคาร (15 ก.ค.) โดยถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มเฮลท์แคร์ ขณะที่นักลงทุนรอติดตามข่าวเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ-สหภาพยุโรป (EU) และประเมินข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ ล่าสุด

JAPAN

NIKKEI 225 +218.40 จุด (+0.55%)

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดบวกในวันนี้ (15 ก.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มผู้ส่งออกบางส่วนหลังเงินเยนอ่อนค่าลง ขณะที่นักลงทุนยังคงเฝ้ารออย่างระมัดระวังต่อข้อมูลเงินเฟ้อที่สำคัญของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้

SOUTH KOREA

KOSPI +13.25 จุด (+0.41%)

ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดในแดนบวกเป็นวันที่สองติดต่อกันในวันนี้ (15 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงเผชิญแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ

CHINA

Shanghai Composite -14.65 จุด (-0.42%)

ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบในวันนี้ (15 ก.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน หลังจากนักลงทุนซึมซับข้อมูลที่สะท้อนให้เห็นถึงภาพรวมเศรษฐกิจที่ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

Hong Kong

Hang Seng +386.80 จุด (+1.60%)

ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 เดือนในวันนี้ (15 ก.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากที่มีรายงานว่า อินวิเดีย (Nvidia) เตรียมกลับมาส่งออกชิป H20 ให้ลูกค้าในจีนได้อีกครั้ง นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับตัวเลข GDP ของจีนที่ออกมาดีเกินคาด

INDIA

S&P BSE Sensex +317.45 จุด (+0.39%)

ดัชนี Sensex ตลาดหุ้นอินเดียดีดตัวขึ้นกว่า 300 จุด ขานรับดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของอินเดีย ซึ่งอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบกว่า 6 ปี

กระทรวงสถิติของอินเดียเปิดเผยว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้นเพียง 2.10% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 6 ปี และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.50% จากระดับ 2.82% ในเดือนพ.ค.

การชะลอตัวของดัชนี CPI ในเดือนมิ.ย.มีสาเหตุจากการปรับตัวลงของราคาอาหาร

VIETNAM

VN -11.82 จุด (-0.74%)

THAILAND

Set +17.70 จุด (+1.55%)

SET ปิดวันนี้ที่ 1,161.01 จุด เพิ่มขึ้น 17.70 จุด (+1.55%) มูลค่าการซื้อขาย 48,024.99 ล้านบาท

นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ฟื้นตัวได้ค่อนข้างดีกว่าภูมิภาค ได้แรงหนุนจากการปรับตัวบวกของหุ้นหลายตัว ส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่ก่อนหน้านี้มีปริมาณ Short Sell ค่อนข้างมาก วันนี้จึงมีการทำ Cover Short ได้แก่ AOT CPALL TRUE และ GULF

ขณะเดียวกัน จากกระแสเก็งผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ โดยตลาดมองว่าจะมีนโยบายที่ Dovish หรือ ยืดหยุ่นขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจมากกว่าคาด แต่ยังต้องติดตามต่อไป เพราะยังไม่เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้

ประเด็นดังกล่าวส่งผลต่อหุ้นกลุ่ม BANK ปรับตัวลงถ่วงตลาด จากความกังวลผลกระทบการปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อ NIM รวมทั้งการคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 2/68 อาจไม่ได้เติบโตมาก เนื่องจากก่อนหน้านี้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ทำให้มีแรงขายออกมามากในหุ้นกลุ่มแบงก์

แนวโน้มวันพรุ่งนี้คาดตลาดแกว่งไซด์เวย์อัพหลังจากขึ้นมาแรง 2 วันต่อเนื่อง ทำให้อัพไซด์อาจจำกัดแล้ว คืนนี้แนะติดตามการเปิดเผยตัวเลข CPI สหรัฐฯ รวมทั้งการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2/68

ให้กรอบแนวรับ 1,155 จุด และแนวต้าน 1,170 จุด

⛽️ น้ำมัน WTI

66.52 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.46 ดอลลาร์ (-0.69%)

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (15 ก.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศให้เวลารัสเซีย 50 วันในการยุติสงครามในยูเครน นับเป็นการส่งสัญญาณหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรรัสเซีย ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะชะงักงันด้านอุปทานน้ำมัน

🪙 Gold

3,336.70 ดอลลาร์/ออนซ์ -22.40 ดอลลาร์ (-0.67%)

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (15 ก.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ที่สูงเกินคาด ซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ตรึงอัตราดอกเบี้ยสูง

💵สกุลเงินดอลล่าร์

ดอลลาร์แข็งค่าเทียบสกุลเงินหลัก หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ดีดตัวขึ้นจากเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นสัญญาณเงินเฟ้อจากมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง

Source: CNBC , IQ